• แผน 5 ปี (ปี 2566-2570) ลงทุน 135,000 ล้านบาท มุ่งสู่โมเดลธุรกิจแห่งอนาคต ‘The Ecosystem for All’ เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ยกระดับการใช้ชีวิต 360 องศา พัฒนาทุกธุรกิจรวมกันจำนวนกว่า 200 โครงการ โดยมีมิกซ์ยูส 25 โครงการ ครอบคลุม 30 เมืองในไทยและอาเซียน
  • เปิดให้บริการแล้ว โรงแรมใหม่ Centara Ubon และ GO! Hotel โรบินสันบ้านฉาง คอมมูนิตี้มอลล์ Marché Thonglor และโครงการใหม่เตรียมเปิดในปีนี้ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ในเดือนตุลาคม โรงแรม Centara Ayutthaya โรงแรม Centara One Rayong โรงแรม GO! Hotel ติดกับเซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ชลบุรี และโครงการที่อยู่อาศัย 7 แห่ง
  • สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกที่เซ็นทรัลเวิลด์ ดึงแบรนด์ดัง Tesla และ Shake Shack เปิดตัวที่แรกในประเทศไทย และประสบความสำเร็จในการดันสงกรานต์ไทยสู่เทศกาลระดับโลก โดยมีนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติร่วมงานจำนวนมหาศาลรวมกว่า 8 ล้านคน ตอกย้ำการเป็น Global Landmark อันดับหนึ่งของไทย

กรุงเทพฯ : บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ “บริษัทฯ หรือ เซ็นทรัลพัฒนา” รายงานผลประกอบการ ไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 10,291 ล้านบาท โต 27% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 3,246 ล้านบาท โต 39% จากปีก่อน พร้อมเผยวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ธุรกิจ ประกาศพัฒนาโมเดลธุรกิจแห่งอนาคตเป็น ‘The Ecosystem for All’ ด้วยการ Synergy ทุกธุรกิจ โดยมี Retail เป็นหัวใจหลัก เชื่อมโยงกับธุรกิจที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจทั้งระบบ พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนทั้ง Online & Offline แบบ 360 องศา และขยายไปสู่ธุรกิจ New Assets อื่นๆ ที่จะสร้างอนาคตแห่งการใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining Better Futures For All มุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งที่ดี เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยงของเซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ผลประกอบการของบริษัทฯ ฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดดในปี 2565 และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจศูนย์การค้าซึ่งมีรายได้ฟื้นตัวมากกว่าช่วงก่อนโควิดแล้ว โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 10,291 ล้านบาท โต 27% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 3,246 ล้านบาท โต 39% จากปีก่อน และยังเดินหน้าตามแผนเปิดโรงแรมใหม่ 1 แห่ง ได้แก่ Centara Ubon และคอมมูนิตี้มอลล์ Marché Thonglor ในเดือนมีนาคม 66 รวมทั้งประกาศวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ธุรกิจพัฒนาโมเดลธุรกิจแห่งอนาคตให้เป็น ‘The Ecosystem for All’ ด้วยการ Synergy ทุกธุรกิจได้แก่ ศูนย์การค้า-ธุรกิจที่อยู่อาศัย-อาคารสำนักงาน-โรงแรม เชื่อมโยงถึงกันแบบ Seamless Synergy และยังเชื่อมต่อไปสู่พันธมิตรธุรกิจ ผู้คน ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เป็น 360-Degree Centre of Life ศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ครบทุกองศา ทั้ง shop-eat-work-play-stay-live ทั้ง Offline & Online ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน ทุกที่ ทั่วประเทศ พร้อมทั้งขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจศูนย์การค้าซึ่งเป็นธุรกิจหลัก เพื่อสร้างอนาคตแห่งการใช้ชีวิต ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม เซ็นทรัลเวิลด์ ยังสร้างปรากฏการณ์ Talk of The Town โดยเปิดตัวสถานี Tesla First Supercharger Station แห่งแรกในไทย และ Shake Shack ร้านฟาสต์ฟู้ดดังจากอเมริกาเปิดร้านสาขาแรกในไทย ตอกย้ำการเป็น Global Landmark เดสติเนชันที่แบรนด์ดังระดับโลกเลือกมาเปิดตัวเป็นที่แรก ไม่เพียงเท่านี้ เซ็นทรัลพัฒนา ยังสร้างปรากฏการณ์สงกรานต์ระดับโลกในงาน THAILAND'S SONGKRAN FESTIVAL 2023 ที่จัดในรูปแบบ Songkran Entertainment ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าดันเทศกาลสงกรานต์ไทยขึ้นแท่น Festive ระดับโลกที่คนทั่วโลกต้องมาเยือนเหมือนที่ทำสำเร็จมาแล้วในงาน Countdown โดยผลตอบรับจากงานนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม มีนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติเข้าร่วมงานจำนวนมหาศาลรวมกว่า 8 ล้านคน ในระยะเวลาการจัดงาน 4 วัน (13-16 เม.ย. 2566) ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นเบอร์หนึ่งด้านจัดงาน Festive Events และเป็น The Best Songkran Landmark of Thailand แลนด์มาร์กสงกรานต์เอนเตอร์เทนเมนต์ที่ดีที่สุดตลอดกาล

อีกทั้ง เซ็นทรัลพัฒนา ยังได้รับเลือกให้เป็น Thailand’s Most Admired Company หรือ องค์กรธุรกิจศูนย์การค้าอันดับหนึ่งที่ครองใจผู้บริโภคมากที่สุด ประจำปี 2022-2023 จากผลการสำรวจและวิจัยโดยสื่อ Brand Age และโหวตโดยผู้บริโภคทั่วประเทศ สะท้อนการเติบโตขององค์กรจากพลัง Brand Love ของคนไทยทั่วประเทศอย่างแท้จริง

ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2566 เซ็นทรัลพัฒนา มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 39 โครงการ (ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 37 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ ต่างจังหวัด 21 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ, ศูนย์การค้าเอสพละนาด 1 แห่ง และศูนย์การค้าเมกะ บางนา ภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 1 แห่ง) คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 33 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 5 แห่ง โครงการที่พักอาศัย 28 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN (ทาวน์โฮม) ESCENT AVENUE (โฮมออฟฟิศ) NINYA (บ้านแฝด) NIYAM (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการแนวราบหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์ NIRATI ที่เชียงใหม่ เชียงราย บางนา และดอนเมือง

โครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและเตรียมเปิดในปี 2566-2567 ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ (กำหนดเปิด 27 ต.ค. 66) เซ็นทรัล นครสวรรค์ (Q1/2567) เซ็นทรัล นครปฐม (Q2/2567) เซ็นทรัล กระบี่ (Q4/2567) และโครงการอื่นๆ ที่เตรียมเปิดในปีนี้ ได้แก่ โรงแรม Centara Ayutthaya โรงแรม Centara One Rayong โรงแรม GO! Hotel อยู่ติดกับเซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ชลบุรี และโครงการที่อยู่อาศัย 7 โครงการ (NIRATI นครศรีธรรมราช บ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม ESCENT 3 โครงการ) นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Mega Mixed-use “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” big project ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) โดยจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2567 เป็นต้นไป

สำหรับทิศทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2566-2570) บริษัทฯ เดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งที่ประกาศไปแล้วและยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งมีทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน รวมทั้งยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นอกจากนี้ ในด้านของกองทรัสต์ CPNREIT ซึ่ง เซ็นทรัลพัฒนา ในฐานะผู้สนับสนุน (Sponsor) ผู้ถือหน่วยทรัสต์รายใหญ่ และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ยังคงให้ความสำคัญและสนับสนุน CPNREIT อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีและมั่นคงแก่ CPNREIT และผู้ถือหน่วยทรัสต์ ทั้งในแง่การบริหารทรัพย์สิน การดูแลให้มีการปรับปรุงและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และมุ่งสนับสนุนการสร้างการเติบโตของ CPNREIT อย่างมั่นคงทั้งด้านรายได้และขนาดของทรัพย์สิน รวมถึงการสนับสนุนการจัดโครงสร้างการลงทุนของ CPNREIT ให้มีการระดมทุนอย่างเหมาะสมสำหรับการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม โดยผลประกอบการของ CPNREIT ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เติบโตต่อเนื่องในทิศทางเดียวกับบริษัทฯ โดยมีรายได้รวม 1,424 ล้านบาท โต 28% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 1,149 ล้านบาท โต 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และประกาศจ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์จำนวน 0.3220 บาทต่อหน่วย ปัจจุบัน ผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT เตรียมเดินหน้าการต่อสัญญาสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และการปรับโครงสร้างการจ่ายชำระค่าตอบแทนการต่อสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล พระราม 2 ซึ่งจะดำเนินการนำเสนอรายละเอียดต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์เพื่อพิจารณาขออนุมัติในไตรมาส 2 ของปี 2566 นี้


แกลลอรี่